“อีกไกลแค่ไหน” เธอถามขึ้นมาขณะมองป่าที่เริ่มทึบขึ้น ภูมิประเทศเริ่มห่างไกลผู้คนมากขึ้น
“ไม่ไกล”
ไม่กี่นาทีต่อมา บิลเลี้ยวออกจากถนนคอนกรีตเข้าสู่ถนนลาดยางเส้นคู่ รถนั้นเคลื่อนที่ไปด้วยความกระเด้งกระดอนจนมาหยุดอยู่เกือบถึงปากทางเข้าป่าดงดิบ
เขาดับเครื่องยนต์พร้อมกับหันมาทางไรล์ลี่ด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“คุณแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้?” เขาถาม
เธอรู้ว่าเขาเป็นห่วงเรื่องอะไร เขากลัวว่าเธอจะนึกย้อนไปถึงความทรงจำเลวร้ายตอนโดนจับขัง ไม่เป็นไร เพราะนี่มันคนละคดีกัน และฆาตกรก็คนละคนกัน
เธอพยักหน้า
“ฉันแน่ใจ” เธอบอกอย่างไม่ค่อยเชื่อตัวเองซักเท่าไหร่
ไรล์ลี่ลงจากรถและเดินตามบิลออกนอกถนนเข้าไปบนทางเดินผ่านป่าแคบและรกชัฏ เธอได้ยินเสียงน้ำเซาะลงมาจากธารน้ำใกล้ๆ ขณะที่ป่าไม้นั้นรกทึบมากขึ้น เธอเองก็ต้องเดินฝ่าสารพัดกิ่งไม้เตี้ยๆที่ห้อยเป็นอุปสรรคระหว่างทาง และหนามต้นไม้เล็กยิบย่อยเริ่มที่จะเกาะติดขากางเกงเธอแล้ว เธอดูหงุดหงิดเมื่อคิดว่าเดี๋ยวจะต้องมานั่งดึงหนามออกทีละอัน
ในที่สุดเธอและบิลก็มาโผล่ตรงแอ่งลำธาร ไรล์ลี่นั้นเหมือนต้องมนต์ในทันทีกับความสวยงามของสถานที่ แสงยามบ่ายส่องผ่านหมู่ใบไม้ลงมาตกกระทบบนผืนน้ำที่กระเพื่อมเป็นระลอกจนดูน่าเวียนหัว เสียงไหลเซาะของสายน้ำจังหวะสม่ำเสมอนั้นฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย มันน่าแปลกที่คิดว่าที่นี่คือสถานที่เกิดเหตุของอาชญากรรมที่แสนโหดร้าย
“เธอถูกพบตรงนี้” บิลพูดขึ้น เดินนำเธอไปตรงหินก้อนใหญ่
เมื่อเดินมาถึงตรงนั้น