“แล้วคุณหล่ะ” ไรล์ลี่ถามกลับ “ออกไปข้างนอกบ่อยมั้ย”
มารีเงียบไป
“คุณไม่ออกนอกบ้านเลยใช่รึเปล่า” ไรล์ลี่ถามอีก
มารีส่ายหน้า
ไรล์ลี่เอื้อมมือไปกุมข้อมือเธอด้วยความเห็นใจ
“คุณต้องลองนะ มารี” เธอให้กำลังใจ “ถ้าคุณปล่อยให้ตัวเองจมปลักอยู่แต่ในบ้านแบบนี้ มันก็เท่ากับว่าคุณยังถูกมันกักขังเอาไว้อยู่”
มารีปล่อยก้อนสะอื้นออกมาจากลำคอ
“ฉันขอโทษ” ไรล์ลี่เอ่ย
“ไม่เป็นไรหรอก คุณพูดถูก”
ไรล์ลี่สังเกตมารีอีกครู่หนึ่งในระหว่างทั้งสองรับประทานอาหาร แล้วบรรกาศก็ตกอยู่ในความเงียบงันยาวนาน เธอก็อยากจะคิดนะว่ามารีนั้นเป็นปกติดีแล้ว แต่ก็คงต้องยอมรับว่ามารียังดูเปราะบางจนน่ากังวลเหลือเกิน มันทำให้เธออดคิดถึงตัวเองไม่ได้ “นี่ตัวเธอมีสภาพแย่แบบนี้เหมือนกันรึเปล่านะ”
ไรล์ลี่นึกสงสัยอยู่เงียบๆว่ามันเป็นการดีรึเปล่าที่จะปล่อยให้มารีใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง อาการเธอจะดีขึ้นมั้ยหากมีสามีหรือมีแฟนมาอยู่ด้วย เธอเก็บความสงสัยนี้ไว้ แต่แล้วเธอก็กลับสงสัยเรื่องเดียวกันกับตัวเอง ไรล์ลี่รู้คำตอบสำหรับเธอทั้งสองดี ว่าคงไม่ เธอทั้งคู่ไม่มีใครอยู่ในอารมณ์หรือความคิดที่จะสานสัมพันธ์กับใคร มันคงจะยิ่งกลายเป็นภาระ
“ฉันเคยขอบคุณคุณรึเปล่า” มารีถามขึ้นทำลายความเงียบ
ไรล์ลี่ยิ้ม เธอเข้าใจดีว่ามารีหมายถึงที่ได้ช่วยชีวิตเธอไว้
“มากมายหลายครั้ง” ไรล์ลี่ตอบ “ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องทำเลย จริงๆ”
มารีใช้ส้อมจิ้มอาหารในจาน