“ข้ารู้” พระมารดาตรัส “ข้าก็เกลียดเจ้าเช่นกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจกันได้ ข้าไม่ต้องการความรักของเจ้า สิ่งที่ข้าต้องการคือให้เจ้าเข้มแข็ง โลกนี้ไม่ได้ปกครองโดยผู้อ่อนแอและขลาดกลัว แต่ปกครองโดยผู้ที่ไม่หวาดหวั่นต่อเคราะห์กรรม เจ้าอาจจะล้มลงและตายไปก็ได้หากเจ้าต้องการ แต่ยังมีเวลาอีกมากสำหรับเรื่องนั้น และมันออกจะน่าเบื่อ จงเข้มแข็งและมีชีวิตอยู่ต่อไป ใช้ชีวิตอย่างแท้จริง และเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่น เพราะในวันหนึ่ง ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะได้ตายแน่นอน แต่ระหว่างที่เจ้ายังมีชีวิต ก็ควรจะใช้ชีวิตให้ดี”
“ไปให้พ้น!” ราชินีเกว็นโดลีนทรงตะโกน ทรงไม่อาจทนฟังได้อีกแม้แต่คำเดียว
พระมารดาทอดพระเนตรมองมาอย่างเย็นชา และในที่สุดหลังจากความเงียบอันยาวนาน พระนางก็ทรงหันหลังและเสด็จจากไป ด้วยท่วงท่าราวกับนกยูง แล้วกระแทกประตูตามหลัง
ในความเงียบที่ว่างเปล่านั้น ราชินีเกว็นทรงกรรแสง พระนางทรงคร่ำครวญ และปรารถนาอย่างยิ่งให้ทุกสิ่งหายไปเสียที
บทที่ หก
เจ้าชายเคนดริคประทับอยู่ที่ลานกว้างที่ริมขอบเหวของหุบเขาใหญ่ ทอดพระเนตรมองดูสายหมอกที่ม้วนตัวเป็นคลื่น ขณะที่ทรงทอดพระเนตรมองออกไปนั้น พระองค์ทรงพระทัยสลาย ทรงปวดร้าวที่ได้เห็นขนิษฐาทรงเป็นเช่นนั้น ทรงเสียพระทัยเหมือนกับทรงเป็นผู้ที่ถูกทำลาย พระองค์ทรงเห็นได้จากสีหน้าของชาวซิเลเซียทุกคนว่าพวกเขามองว่าราชินีเกว็นทรงเป็นมากกว่าผู้นำของพวกเขา