“เรามีเมืองติดทะเลด้วยเหมือนกันอยู่ทางใต้” ไคร่าบอก “เอสเฟส ห่างจากโวลิสเป็นเวลา 1 วันเดินทางทางม้า ฉันเคยไปที่นั่นพร้อมพ่อของฉันตอนฉันยังเป็นเด็กอยู่”
แอนดอร์ส่ายหัว
“นั่นไม่ใช่ทะเล” เธอตอบ
ไคร่ารู้สึกสับสน
“หมายความว่ายังไง?”
“นั่นคือทะเลแห่งน้ำตา” เดียร์ดรีตอบ “ของเออร์คือทะเลแห่งความโศกเศร้า ทะเลของเราเป็นทะเลที่เปิดกว้าง บนชายหาดฝั่งตะวันออกของเรามีคลื่นลูกเล็ก ๆ ชายฝั่งตะวันตกของทะเลแห่งความโศกเศร้ามีคลื่นที่สูง 20 ฟุต ซัดเข้าหาฝั่ง มีกระแสน้ำสามารถจมเรือทั้งลำได้ในพริบตาเดียว ในคืนที่พระจันทร์ขึ้นสูง นี่ขนาดไม่ต้องพูดถึงคนนะ ของเราเป็นเมืองแห่งเดียวในเอสคาลอนที่หน้าผาลดขนาดต่ำลงในขนาดที่เปิดโอกาสให้เรือสามารถเข้าเทียบท่าได้ เรามีหาดทรายเพียงแห่งเดียวในเอสคาลอน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมแอนโดรส์จึงถูกสร้างให้ห่างจากเมืองของเราเพียง 1 ชั่วโมงขี่ม้าไปทางทิศตะวันออก”
ไคร่าขบคิดคำพูดของเธอ รู้สึกดีที่ได้เบี่ยงเบนความสนใจ เธอนึกย้อนกลับไปถึงบทเรียนจากเมื่อวัยเยาว์ แต่เธอไม่เคยคิดถึงมันในรายละเอียดเลย
“แล้วผู้คนของเธอล่ะ?” ไคร่าถาม “พวกเขาเป็นอย่างไร?”
เดียร์ดรีถอนหายใจ
“คนที่ภาคภูมิใจ” เธอตอบ “เหมือนคนอื่นในเอสคาลอนแต่แตกต่างกัน เขาว่ากันว่าคนเมืองเออร์มีสายตาหนึ่งมองที่เอสคาลอน ส่วนอีกสายตาหนึ่งมองไปที่ทะเล เรามองไปตรงเส้นขอบฟ้า พากเรามีใจกว้างกว่าพวกอื่น ๆ – บางทีเพราะมีชาวต่างชาติมาเยี่ยมเยียนชายฝั่งของเรามากก็เป็นได้ ชายหนุ่มแห่งเออร์เป็นนักรบที่มีชื่อเสียง